สำหรับองค์กรธุรกิจหรือผู้ประกอบการที่ต้องการทำเว็บไซต์ในรูปแบบ SEO การทำเนื้อหาบนเว็บไซต์ให้มีความน่าสนใจ มีคุณภาพ เพื่อดึงดูดให้มีคนเข้ามาในเว็บไซต์ของเรา และการทำ Keyword แบบ SEO อาจไม่เพียงพอที่จะทำให้เว็บไซต์ของเราถูกมองเห็นมากขึ้น ซึ่งกลยุทธ์การทำเว็บไซต์ SEO นั้น มีสิ่งที่เรียกว่า Link Building ซึ่งเป็นวิธีที่จะเพิ่ม Traffic ให้กับเว็บไซต์เรา ช่วยทำให้เว็บไซต์ของเรามีคุณภาพมากขึ้น มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น และมีความแข็งเกร่งในการติดอันดับการเสิร์ชใน Google ได้ ในบทความนี้จึงอยากชวนองค์กรธุรกิจหรือผู้ประกอบการมาทำความเข้าใจกับการทำ Link Building กันให้มากขึ้น เพื่อที่จะปรับปรุงพัฒนาเว็บไซต์ของเราให้มีผู้ใช้งานมากขึ้น อันจะเป็นผลดีต่อองค์กรและธุรกิจนั่นเองค่ะ
Link Building คืออะไร ? เกี่ยวข้องกับการทำ SEO อย่างไร ?
Link Building คือการเชื่อมโยงเนื้อหาบนเว็บไซต์ ทั้งจากภายในเว็บไซต์ของเราเอง และจากภายนอก คือจากเว็บไซต์อื่นๆ ที่มีความน่าเชื่อถือมายังเว็บไซต์ของเรา ด้วยการใช้ Hyperlink หรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่าลิงก์นั่นเอง ซึ่งทุกคนคงเข้าใจการทำงานของลิงก์ว่า เป็นการเชื่อมโยงกันระหว่างเว็บเพจจากหน้าหนึ่งไปยังอีกหน้าเว็บหนึ่ง การสร้างลิงก์ในเว็บไซต์ เป็นหนึ่งในวิธีการทำ SEO ที่จะสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ และทำให้ Google มองว่าเราเป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ และให้ความสำคัญในการจัด SEO ซึ่งจะมีผลต่อการค้นหาเว็บไซต์ ทำให้เว็บไซต์ของเราติดอับดับต้นๆ ในการค้นหานั่นเอง
ทั้งนี้ ปัจจัยในการจัดอันดับนั้น ไม่ใช่แค่ในส่วนของคอนเทนต์ที่ต้องมีคุณภาพ หรือมีคนเสิร์ชหาเยอะๆ หรือมี Keyword ที่ตรงกับการเสิร์ชเพียงเท่านั้น แต่จำนวนลิงก์ที่เชื่อมโยงมายังหน้าเว็บไซต์นั้นๆ ก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะยิ่งเว็บที่เชื่อมโยงกลับมามีคุณภาพเท่าไหร่ โอกาสที่เว็บไซต์ของเราจะติดอันดับต้นๆ ก็จะมากขึ้นเช่นกัน
・ประเภทของ Link Building
1. Internal Link
Internal Link เป็นลิงก์ที่เชื่อมโยงเนื้อหาภายในเว็บไซต์ของเราเอง ซึ่งจะเป็นการสร้าง Traffic ให้กับเว็บไซต์ เพื่อให้คนที่เข้ามาดูเว็บไซต์ของเราสามารถคลิกเข้าไปดูเนื้อหาอื่นๆ ในเว็บของเราได้ และใช้เวลาในการท่องเว็บไซต์ของเรานานขึ้น นอกจากนี้ การมี Internal Link จะทำให้ Google มองว่าเนื้อหาเว็บไซต์ของเรามีคุณภาพและมีความเกี่ยวข้องกันในแต่ละหน้าเว็บเพจ และยังดูมีความน่าสนใจด้วย
2. External Link
External link เป็นลิงก์ที่เชื่อมโยงข้อมูลภายนอกเว็บไซต์ของเรา โดยลิงก์ที่เชื่อมไปยังเว็บไซต์อื่นๆ นั้นจะต้องมีเนื้อหาที่เExternal link เป็นลิงก์ที่เชื่อมโยงข้อมูลภายนอกเว็บไซต์ของเรา โดยลิงก์ที่เชื่อมไปยังเว็บไซต์อื่นๆ นั้นจะต้องมีเนื้อหาที่เชื่อมโยงกันหรือมีความเกี่ยวข้องกัน หรือเป็นการอ้างอิงข้อมูล และถ้า External link เป็นเว็บไซต์ที่มีความเชื่อถือหรือเป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ ก็จะเป็นการเพิ่มคุณภาพให้กับเว็บไซต์ของเราด้วย ทั้งนี้ มีเกณฑ์ในการเลือก External Link ให้มีคุณภาพ ได้แก่
- เลือกเว็บไซต์ที่มีค่า DA PA สูง จะส่งผลดีต่อการทำ Backlink เพราะแสดงถึงความน่าเชื่อถือ และมีผู้เข้าชมเว็บไซต์นั้นๆ เป็นจำนวนมาก
- เนื้อหาของเว็บไซต์นั้นๆ มีความเชื่อมโยงและมีความเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของเรา อันจะเอื้อประโยชน์ต่อการจัดอันดับ SEO จากกูเกิล เนื่องจากกูเกิลใช้เกณฑ์ในการประเมินว่า ลิงก์ต่างๆ ในเว็บไซต์ของเรานั้น มีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านหรือไม่
3. Backlink
Backlink เป็นลิงก์จากเว็บไซต์อื่นๆ ที่เชื่อมโยงกลับมายังเว็บไซต์ของเรา ซึ่งเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้กูเกิลเข้าใจว่า เนื้อหาของเว็บไซต์เรานั้นมีความน่าเชื่อถือและได้รับการยอมรับจากเว็บไซต์อื่นๆ ซึ่งจะทำให้เว็บไซต์ของเราได้รับคะแนนมากขึ้น และติดอันดับจากกูเกิลได้ ทั้งนี้ backlink มีอยู่ 2 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่
- No Follow : หมายถึง เว็บไซต์อื่นเอาเราไปอ้างอิง เราได้ backlink ก็จริง แต่เว็บไซต์นั้นๆ ไม่ได้ส่งค่าพลัง SEO มาใ้ห้เรา ซึ่งกลับกันหากเป็นเว็บไซต์เราเองที่แปะลิงก์อ้างอิงไปที่เว็บไซต์อื่นๆ เราก็สามารถตั้งค่า No Follow ไม่ส่งพลัง SEO ให้กับเว็บไซต์อื่นๆ ได้เช่นกัน
- Do Follow หมายถึง การที่เว็บไซต์อื่นเอาเว็บเราไปอ้างอิง และส่งค่าพลัง SEO ให้กับเว็บไซต์ของเราด้วย ซึ่งหากเป็นเว็บไซต์ของเราเอง และแปะอ้างอิงให้กับเว็บไซต์อื่นๆ โดยปกติแล้วไม่ต้องตั้งค่า Do Follow อะไร เพราะระบบจะตั้งเป็นอัตโนมัติให้อยู่แล้ว
ถ้าเปรียบง่ายๆ ก็คือ No Follow เป็นการไม่ให้ค่าพลัง SEO กับเว็บไซต์ที่เราส่ง Backlink ไปให้ แต่ Do Follow คือ เป็นการให้ค่าพลัง SEO กับเว็บไซต์ที่เราส่ง Backlink ไป ซึ่งกูเกิลสามารถเอาไปเป็นข้อมูลความน่าเชื่อถือ และจัดอันดับเว็บไซต์ได้นั่นเอง แต่ไม่ว่าเว็บไซต์ของคุณจะได้ No Follow หรือ Do Follow ก็เรียกได้ว่าได้ประโยชน์จาก Backlink แล้วหล่ะค่ะ
・ประโยชน์ของการทำ Link Building และความสำคัญต่อการทำ SEO
เพราะเหตุใด การทำ Link Building ในรูปแบบต่างๆ จึงมีความสำคัญกับการทำ SEO มาดูกันว่า ลิงก์ประเภทต่างๆ ในเว็บไซต์ มีประโยชน์ต่อการทำ SEO อย่างไร
1. เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์
การมี Internal Link, External Link รวมถึงการได้รับ Backlink กลับมา จะทำให้เว็บไซต์ของเรามีความน่าเชื่อถือมากขึ้น เป้าหมายของการทำเว็บไซต์ SEO คือ ถูกค้นพบเป็นอันดับแรกๆ บนกูเกิล และยิ่งลิงก์ของเรามีคุณภาพมากเท่าใด กูเกิลก็จะมองว่าเว็บไซต์ของเรามีคุณภาพมากขึ้นเท่านั้น ส่งผลให้กูเกิลจัดอันดับเว็บไซต์ของเราอยู่ในอันดับต้นๆ เมื่อผู้ใช้งานเสิร์ชหาข้อมูลต่างๆ ก็จะเจอเว็บไซต์ของเราเป็นอันดับแรกๆ เพราะหนึ่งในการทำงานของกูเกิลคือ แสดงผลข้อมูลที่มีความเกี่ยวข้องกับ Keyword ที่ถูกเสิร์ชมากที่สุดนั่นเอง
2. กูเกิลใช้ลิงก์ในการจัดอันดับเว็บไซต์
หากไม่มีการสร้างลิงก์ประเภทต่างๆ อาจทำให้เป็นการตัดโอกาสการทำคะแนนเพื่อติดอันดับจาก Google ไม่ว่าเนื้อหาของเราจะมีคุณภาพมากเพียงใด แต่ถ้าไม่มีการสร้างลิงก์เพื่อเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ ก็อาจเป็นการลดโอกาสการมองเห็นจากกูเกิลได้ ดังนั้น การทำ Link Building in SEO จะทำให้เว็บไซต์ของเราถูกมองเห็นมากขึ้น และช่วยให้ Google จัดอันดับเราได้ดีขึ้นนั่นเอง
3. Backlink ช่วยเพิ่ม Traffic ให้กับเว็บไซต์
การสร้างลิงก์ประเภทต่างๆ เป็นกลยุทธ์ที่จะทำให้มีผู้เข้าชมเว็บไซต์ของเรามากขึ้น และสร้าง Traffic ให้กับเว็บไซต์ได้ และถ้ามีผู้เข้าชมเว็บไซต์ของเราเป็นจำนวนมาก ก็เป็นการบ่งบอกว่าเว็บไซต์ของเราเป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพนั่นเอง ดังนั้น link building in SEO จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เว็บไซต์ของเรามีการเข้าชมมากขึ้น และส่งผลให้เว็บไซต์ของเราถูกมองเห็นมากขึ้นด้วย
4. เพิ่มโอกาสในการเสนอขายสินค้าและบริการ
ยิ่งมีผู้เข้าชมเว็บไซต์ของเรามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสที่ลูกค้าจะเห็นสินค้า – บริการของเรามากขึ้นเท่านั้น หากเป็นเว็บไซต์ E – Commerce ก็จะเห็นภาพได้อย่างชัดเจนว่า ยิ่งมีผู้เข้าชมเว็บไซต์มาก ก็ยิ่งมีโอกาสขายสินค้าได้มาก และเป็นการสร้างยอดขายให้กับบริษัทได้ ซึ่งดีต่อธุรกิจนั่นเอง
5. ช่วยให้เว็บไซต์ผ่านเกณฑ์ความน่าเชื่อถือ E- A -T
E- A -T เป็นสิ่งที่ Google นำมาวัดความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ต่างๆ โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้
Expertise : คือ ความเชี่ยวชาญ โดยเนื้อหาบทความในเว็บไซต์ต้องเขียนจากผู้เชี่ยวชาญ หรือเป็นคนที่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เขียนอย่างแท้จริง
Authority : คือ เรามีอิทธิพลต่อผู้อ่านหรือผู้เข้าชมเว็บไซต์ กล่าวคือ มีการอ้างอิงเว็บไซต์ของเราจากเว็บไซต์อื่นๆ และได้รับ Backlink จากเว็บไซต์อื่นๆ กลับมา Trust : ความน่าเชื่อถือ โดยเนื้อหาในเว็บไซต์ของเราจะต้องมีความน่าเชื่อถือ เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง และเว็บไซต์มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน มีนโยบายกำหนดความเป็นส่วนตัวให้กับผู้เข้าชมเว็บไซต์ มีข้อมูลติดต่อชัดเจน เป็นต้น
6. ลดการเกิด Bounce Rate
หากมีผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่เข้าชมหน้าเว็บเพียงหน้าเดียวและกดปิดหน้าเพจโดยที่ไม่มีการคลิกเข้าไปดูเนื้อหาอื่นๆ ในเว็บไซต์ จะทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า Bounce Rate ขึ้น ซึ่งถ้าหากเว็บไซต์ของเรามี Bounce Rate มากๆ ก็จะทำให้ Google มองว่าเว็บไซต์ของเราไม่ค่อยน่าสนใจ ผู้เข้าชมใช้เวลากับเว็บไซต์ของเราน้อย ซึ่งจะส่งผลเสียกับเว็บไซต์ของเราได้ ดังนั้น การสร้าง Internal Link จะทำให้มีโอกาสคลิกเข้าขมเนื้อหาส่วนอื่นๆ ในเว็บของเราได้มากขึ้น
・กลยุทธ์ในการทำ Link Building ให้มีคุณภาพ
1. ให้ความสำคัญกับคุณภาพของเว็บไซต์
ถ้าอยากให้ Link เว็บไซต์ของเรามีคุณภาพ และได้รับค่าพลัง SEO จากเว็บไซต์อื่นๆ หรือเว็บไซต์อื่นๆ มีการอ้างอิงจากเว็บไซต์ของเรา เพื่อที่จะได้รับ Backlink กลับมา เราก็จะต้องทำให้เว็บไซต์ของเรามีคุณภาพพอที่จะสามารถอ้างอิงได้เช่นกัน ทั้งนี้ การทำให้เว็บไซต์มีคุณภาพคือ สร้างคอนเทนต์ที่มีประโยชน์และมีคุณค่าต่อผู้เข้าชมเว็บไซต์ และคอนเทนต์ไม่จำเป็นจะต้องเป็นบทความเสมอไป อาจจะอยู่ในรูปแบบคลิปวิดีโอ รูปภาพ Infographic การ์ตูนช่อง หรืออะไรก็ตามที่สร้างประโยชน์ให้กับผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้ ถ้าหากเป็นคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ ก็อาจจะมีเว็บไซต์หรือผู้ใช้อื่นๆ นำเว็บไซต์ของเราไปอ้างอิง อันจะทำให้เว็บไซต์ของเรามีความน่าเชื่อถือมากขึ้น มีคุณภาพมากขึ้น และมี Traffic มากขึ้นด้วย
2. ผลิตคอนเทนต์ที่เข้าถึงได้ง่าย
คือการสร้างคอนเทนต์บนหน้าเว็บไซต์ให้เหมาะสมและง่ายต่อผู้เข้าชมเว็บไซต์ รวมถึงตัว Search Algorithm ด้วย เช่น การเลือกใช้ Keyword การใช้รูปภาพ การตั้งที่อยู่ลิงก์ (Slug URL) ชื่อเว็บเพจบนหน้า Google (SEO Title) และอื่นๆ เพื่อเป็นการดึงดูดให้มีผู้เข้าชมเว็บไซต์ เช่น การทำเนื้อหาในรูปแบบ Infographic เพราะผู้เข้าชมเว็บไซต์สามารถย่อยข้อมูลได้ง่ายและเข้าใจง่ายกว่าการอ่านบทความยาวๆ ทั้งนี้ สื่อประเภทรูปภาพจะก่อให้เกิดการแชร์ได้ง่ายกว่า ทำให้มีคนกดลิงก์เข้ามาชมเว็บไซต์ของเรามากขึ้น อย่างไรก็ตาม การทำ Infographic ก็ต้องให้ความสำคัญเช่นกัน โดยเนื้อหาจะต้องสั้น กระชับ ได้ใจความ แต่ครบถ้วน และมีประโยชน์ต่อผู้เข้าชมเว็บไซต์
3. ทำ Content Promotion
คือการทำเนื้อหาหรือคอนเทนต์ที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์หรือสร้างการรับรู้ให้กับเว็บไซต์ของเรา เพื่อก่อให้เกิดการแชร์ต่อๆ ไป และทำให้เราได้รับ Backlink กลับมามากขึ้น เช่น การทำบทความที่มีประโยชน์ต่อผู้อ่านและกำลังเป็นกระแสในปัจจุบัน การทำเทมเพลตที่สามารถนำไปใช้งานต่อได้ฟรี การทำ Infographic ปฏิทินวันหยุดประจำปี การทำนิตยสารออนไลน์ที่สามารถอ่านได้ฟรี เป็นต้น ซึ่งถ้าหากมีคนชอบในสิ่งที่เราทำ ก็จะเกิดการแชร์คอนเทนต์ของเราต่อๆ ไป ทำให้เว็บไซต์ของเราถูกมองเห็นมากขึ้น มีการแชร์มากขึ้น และได้รับ Backlink กลับมามากขึ้นนั่นเอง ทั้งนี้การทำคอนเทนต์ทั้งหมดต้องอย่าลืมใส่ปุ่มแชร์ต่อ หรือใส่ลิงก์เว็บไซต์ของเราด้วยเพื่อให้การเผยแพร่เนื้อหาต่างๆ เป็นไปตามวัตถุประสงค์ทางการตลาดของเรามากขึ้น และเพิ่มโอกาสการได้จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ของเราได้มากขึ้นนั่นเองค่ะ
4. Guest Blogging
เป็นการใช้พื้นที่เว็บไซต์อื่นๆ ที่มีคุณภาพเพื่อเผยแพร่บทความของเรา และให้เราได้ Backlink กลับมา โดยเราอาจอาสาเขียนบทความให้ฟรี หรือทำคอนเทนต์ในรูปแบบอื่นๆ แล้วใช้พื้นที่เว็บไซต์ที่มีคุณภาพเป็นพื้นที่ในการนำเสนอคอนเทนต์ของเรา ซึ่งการทำแบบนี้ ก็เป็นการได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เว็บไซต์ที่เรานำคอนเทนต์ไปโพสต์ก็มี Traffic มากขึ้น และเราเองก็ได้ Backlink กลับมายังเว็บไซต์ของเรามากขึ้น จากการแปะลิงก์เว็บไซต์ของเราในบทความนั้นๆ ค่ะ
5. Connection / Influencer
คือการให้บล็อกเกอร์หรือเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงมาเขียนบทความลงบนเว็บไซต์ของเรา เพื่อเป็นการดึงดูดให้มีผู้เข้าชมเว็บไซต์ของเรามากขึ้น เป็นการเพิ่ม Traffic และเพิ่มโอกาสในการได้รับ Backlink กลับมาเมื่อเกิดการแชร์โพสต์นั้นๆ โดยวิธีเลือกเว็บไซต์หรือบล็อกเกอร์คือ มีความเชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของเรา เช่น อยู่ในหมวดหมู่เว็บไซต์การเงิน – ธุรกิจเหมือนกัน และควรเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านนั้นๆ โดยตรง อาจมาจากการเล่าประสบการณ์ตรง หรือเป็นข้อมูลเฉพาะที่ไม่สามารถหาได้จากเว็บไซต์อื่นๆ เพื่อเป็นการเพิ่มความเฉพาะเจาะจงของบล็อกที่เขียน และยากต่อการหาอ่านได้จากที่อื่น ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อการแชร์หรือเป็นการเพิ่ม Traffic เพราะต้องเข้ามาอ่านในเว็บไซต์ของเราเท่านั้น
・เครื่องมือที่จะช่วยสร้าง Link Building
ถ้ากำลังมองหาเครื่องมือที่จะช่วยสร้างลิงก์ที่มีประสิทธิภาพ ขอยกตัวอย่างเครื่องมือสร้างลิงก์ซึ่งเป็นซอฟแวร์ที่จะช่วยในการสร้างลิงก์ทุกขั้นตอน เช่น การค้นหา Backlink ใหม่ๆ, การ Tracking Backlink, Outreach, การตรวจสอบลิงก์, การวิเคราะห์ลิงก์ และอื่นๆ ซึ่งมีดังนี้
1. SEMeush
SEMrush เป็นเครื่องมือ SEO ที่จะช่วยเราหาโอกาสในการสร้างลิงก์ใหม่ๆ, เช็ก Outreach, วิเคราะห์ Backlink หรือเปรียบเทียบโปรไฟล์ลิงก์จากเว็บไซต์ต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีเครื่องมืออื่นๆ สำหรับการทำ SEO ด้วย เช่น การทำ Content Marketing, การทำการตลาดโซเชียลมีเดีย, การทำโฆษณา เป็นต้น
ราคา : เริ่มต้นที่ 99.95 USD / เดือน
2. BuzzStream
จะเห็นว่า การทำ Link Building in SEO เป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่จะทำให้เว็บไซต์ของเราได้รับการประเมินจาก Google ว่าเป็นเว็บไซต์ที่ดี มีคุณภาพ และทำให้ติดอันดับในการค้นหา เมื่อเสิร์ชอะไรก็จะขึ้นชื่อเว็บไซต์ของเรามาเป็นอันดับต้นๆ BuzzStream เป็นเครื่องมือที่ดีสำหรับการสร้างลิงก์ต่างๆ ตั้งแต่การค้นหาลิงก์ที่มีประสิทธิภาพไปจนถึงกระบวนการ Outreach การติดตามผล การวิเคราะห์ วัดระดับความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ Digital PR ที่ช่วยสร้างรายชื่อ Influencers เว็บไซต์สื่อ และบล็อกเกอร์ที่มีคุณภาพเพื่อเป็นการค้นหา Backlink ที่มีคุณภาพอีกด้วย
ราคา : เริ่มต้นที่ 24 USD / เดือน
3. Ahrefs
หนึ่งในแพลตฟอร์มที่นิยมใช้กันในการทำการตลาด Ahrefs มีเครื่องมือในการทำ SEO ที่หลากหลาย เป็นแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับ Backlink ที่มีข้อมูลจำนวนมหาศาล นอกจากนี้ ยังมีเครื่องมือ Keyword Research ที่มีประสิทธิภาพ มีเครื่องมือตรวจสอบเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้ มีฟีเจอร์ที่เรียกว่า Site Explorer ที่สามารถค้นหาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ Backlink ของเว็บไซต์คู่แข่ง มีฟีเจอร์ Content Explorer ที่ช่วยค้นหาบทความที่ได้รับความนิยมสูงสุดใน Keyword ที่กำหนด เพื่อเป็นแนวทางในการสร้างคอนเทนต์หรือทำบทความในเว็บไซต์ได้ และส่งผลดีต่อการสร้างลิงก์ประเภทต่างๆ ด้วย
ราคา : เริ่มต้นที่ 99 USD / เดือน
4. Link Hunter
ถ้าใครเป็นมือใหม่ในการทำ Link Building ขอแนะนำ Link Hunter เครื่องมือในการสร้างลิงก์ที่เหมาะกับผู้เริ่มต้น เพราะใช้งานง่ายและทำให้การสร้างลิงก์ไม่ยุ่งยากซับซ้อน ขั้นตอนไม่เยอะ ไม่ว่าจะทำ Gust Posting, การรีวิวสินค้า หรือทำ Paid Link ก็สามารถเสิร์ชหาเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับคอนเทนต์ของเราได้ นอกจากนี้ ยังมีการติดตามผลสำหรับการได้รับ Backlink จากเว็บไซต์อื่นๆ ด้วย
ราคา : เริ่มต้นที่ 49 USD / เดือน
5. BuzzSumo
BuzzSumo เป็นแพลตฟอร์มที่คนนิยมใช้สำหรับการทำ Content Marketing ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ใช้สำหรับการทำ PR และช่วยในการสร้าง Backlink ที่มีประสิทธิภาพ ด้วยเครื่องมือในการวิเคราะห์คอนเทนต์, บล็อก, Influencers และเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ ทำให้เราได้รับลิงก์ที่มีคุณภาพกลับมาเช่นกัน และช่วยในการสร้างไอเดียคอนเทนต์ที่มีแนวโน้มว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี เพื่อให้ได้มาซึ่งลิงก์
แบบออร์แกนิกอีกด้วย
ราคา : เริ่มต้นที่ 99 USD / เดือน
จะเห็นว่า การทำ Link Building in SEO เป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่จะทำให้เว็บไซต์ของเราได้รับการประเมินจาก Google ว่าเป็นเว็บไซต์ที่ดี มีคุณภาพ และทำให้ติดอันดับในการค้นหา เมื่อเสิร์ชอะไรก็จะขึ้นชื่อเว็บไซต์ของเรามาเป็นอันดับต้นๆ ทำให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์คลิกเข้ามายังเว็บไซต์ของเรามากขึ้น และใช้เวลาอยู่ในเว็บไซต์ของเรานานขึ้น ก่อให้เกิด Traffic ในเว็บไซต์ อันจะส่งผลดีต่อด้านในธุรกิจนั่นเอง อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์การทำ Link Building จะต้องมีการติดตามข่าวจาก Google อัปเดตการเปลี่ยนแปลงของอัลกอรีทีมจาก Google อยู่เป็นประจำเพื่ออัปเดต ปรับรายละเอียดต่างๆ ของเว็บไซต์ของเราให้มีคุณภาพ ให้ตอบรับกับอัลกอริทึ่มที่เปลี่ยนไป เพื่อให้ยังคงอันดับในผลการค้นหาของ Google ได้อยู่นั่นเองค่ะ
DIY CONTENT แนะนำ ♡
สำหรับใครที่สนใจเรื่องการทำ SEO Content และ Website แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง ไม่รู้จะปรึกษาใคร ลองติดต่อเข้ามาสอบถาม พูดคุยถึงวัตถุประสงค์ ความต้องการกับเราได้เลยนะคะ
DIY CONTENT ให้บริการด้าน SEO Content และ Website แบบครบวงจร นอกจากนี้ยังมีคอร์สสอนทำคอนเทนต์ที่สามารถต่อยอดได้ตลอดชีวิต ส่วนใครที่อยากปรึกษาการทำคอนเทนต์แบบ 101 ก็มีดูแลให้เช่นกันค่ะ ทักเข้ามาพูดคุยกันนะคะ ♡
อ้างอิงที่มาข้อมูลบางส่วนจาก : semrush.com, ahrefs.com, rialtomarketing.com, accelerateagency.ai, startupbonsai.com