มาออกแบบ UX UI ด้วย 8 เครื่องมือเด่นๆ ที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์ใช้งานให้ User ติดใจ และตรงกับความต้องการของธุรกิจคุณกันเถอะ !

ออกแบบ UX UI, figma คือ

ในยุคปัจจุบันที่ชีวิตของผู้คนต่างผูกติดกับเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นด้านการสื่อสาร การทำงาน หรือการดำเนินชีวิตประจำวัน ทำให้เกิดเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นต่างๆ ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้ในหลากหลายแง่มุม และสามารถเข้าถึงได้ทุกคน ประเด็นคือ ผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจจะออกแบบเครื่องมือเหล่านี้อย่างไร ให้ตอบโจทย์และตรงใจกับผู้ใช้งาน และสิ่งที่เรียกว่า UX และ UI ก็คือสิ่งที่ผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจที่ต้องการจัดทำเว็บไซต์จำเป็นต้องรู้เพื่อให้การออกแบบเว็บไซต์ต่างๆ ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งานได้มากที่สุด ดังนั้น ในบทความนี้ จึงอยากชวนผู้ประกอบการและเจ้าของธุรกิจมารู้จักกับ UX และ UI ว่าคืออะไร พร้อมแนะนำเครื่องมือสำหรับออกแบบ UX UI ที่จะช่วยให้การสร้างสรรค์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีความเป็นมืออาชีพ และสะดวกสบายต่อผู้ใช้งานมากที่ชุด

UX และ UI คืออะไร ? จะออกแบบ UX UI ได้อย่างไรให้ตรงใจกับผู้ใช้งานมากที่สุด 

Image Credit : Freepik

UX และ UI เป็นการออกแบบการใช้งานเพื่อให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อวัตถุประสงค์ของการเข้าถึงใจ และตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของเราให้ได้มากที่สุด โดยมี UX/UI Designer หรือนักออกแบบเว็บไซต์ เป็นผู้ทำงานออกแบบ โดย UX Designer คือผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับการวิเคราะห์และทำความเข้าใจ User Experience เพื่อการออกแบบให้ตรงกับประสบการณ์ผู้ใช้งานมากที่สุด เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายในธุรกิจ ในขณะที่  UI Designer คือผู้ออกแบบ User Interface ซึ่งจะทำงานร่วมกันกับ UX Designer ในการนำข้อมูลมาแปลงและสร้างสรรค์ให้มีหน้าตาที่ความสวยงาม โดดเด่น น่าดึงดูดให้เข้ามาใช้งาน ดูเป็นมิตรกับผู้ใช้ หรือสร้างความประทับใจแรกหรือ Fisrt Impression ที่ดีและตอบตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งในการสร้างสรรค์นั้นก็จะประกอบไปด้วย โครงสร้าง ระบบที่ตอบโจทย์ธุรกิจ การใช้สี รูปแบบตัวอักษร รูปภาพ และการจัดวางองค์ประกอบต่างๆ เรียกได้ว่าเป็นผู้จัดบ้านให้สวยงาม เพื่อต้อนรับให้ผู้ใช้งานอยากเข้ามา และเกิดการกระทำตามเป้าหมาย และวัตถุประสงค์ของธุรกิจนั้นๆ  
สรุปง่ายๆ ก็คือการออกแบบ UX UI มีความแตกต่างกันคือ UX จะเน้นไปที่การให้ความสำคัญกับอารมณ์ความรู้สึกของผู้ใช้ เช่น ใช้งานง่ายหรือไม่ สะดวกสบายต่อการใช้งานหรือไม่ รู้สึกพึงพอใจในการใช้งานหรือไม่ แต่ UI จะเน้นไปที่การออกแบบซึ่งสามารถมองเห็นได้ด้วยตา ให้ความสำคัญกับองค์ประกอบหน้าตาโดยรวมของเว็บไซต์ ว่าสามารถดึงดูดผู้ใช่งานได้หรือไม่ ดูเข้าถึงได้หรือไม่ ดูเข้าใจง่าย เป็นมิตรต่อผู้ใช้หรือไม่ เป็นต้น

เครื่องมือที่ใช้ในการออกแบบ UX UI

1. Figma

ออกแบบ UX UI, figma คือ
Image Credit : Figma.com

Figma คือ โปรแกรมที่ใช้สำหรับออกแบบแพลตฟอร์มในส่วนของ UI สามารถใช้งานบน Internet Broewsers ต่างๆ ได้ และสามารถใช้งานร่วมกันได้หลายๆ ผู้ใช้งาน กล่าวคือ หลายคนสามารถทำงานในไฟล์เดียวกันได้ในเวลาพร้อมกัน และสามารถใช้งานได้ทั้ง Window และ macOS ซึ่งถือว่าเป็นโปรแกรมที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน

จุดเด่น : สามารถใช้งานร่วมกันได้หลายคน จัดวาง Layout ได้อย่างรวดเร็ว สามารถอัพโหลดไฟล์บน Cloud ได้ ผู้ใช้งานคนอื่นๆ สามารถคอมเมนต์งานได้แบบ Realtime 

ค่าใช้จ่าย : 12 USD / เดือน

2. Sketch

ออกแบบ UX UI, figma คือ
Image Credit : Sketch.com

Sketch App เป็นโปรแกรมออกแบบ UX UI ที่มีเครืองมือหลากหลายชนิด ทำให้สามารถออกแบบเว็บไซต์ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังสามารถนำไฟล์จากโปรแกรมไปเปิดในโปรแกรมออกแบบ อย่าง Photoshop Illustrator หรือโปรแกรมอื่นๆ ได้ ในส่วนของการใช้โปรแกรมนั้น ไม่มีหน่วง ใช้พื้นที่ความจำในเครื่องคอมพิวเตอร์น้อย แต่สามารถใช้งานได้ในเครื่อง macOS เท่านั้น 

จุดเด่น : สามารถสร้าง Page และ Artboard ได้อย่างไม่จำกัด มี Library การจัดเก็บ Design System ที่ใช้งานได้ง่าย

ค่าใช้จ่าย : ทดลองใช้งานฟรี 30 วัน จากนั้นมีค่าบริการเริ่มต้นเดือนละ 9 USD

3. Adobe XD

Image Credit : Adobe XD.com

โปรแกรม Adobe XD หรือ Adobe Experience Design เป็นโปรแกรมออกแบบเว็บไซต์จากทางค่าย Adobe ซึ่งรันโปรแกรมได้เร็ว ใช้งานไม่สะดุด และใช้ความจำในเครื่องน้อยมาก หน้าตาของโปรแกรมสามารถใช้งานได้ง่าย มีเครื่องมือไม่เยอะจนเกินไป มีฟีเจอร์ครบเครื่องทั้งการออกแบบ การทำ Prototyping และการส่งต่องานให้ Developer ใช้งานได้ทั้ง Windows และ macOS

จุดเด่น : สามารถเปิด Artbord ได้หลายๆ แบบโดยที่ความเร็วในการใช้โปรแกรมไม่มีปัญหา สามารถแชร์งานออกแบบให้ลูกค้าดูได้อย่างรวดเร็ว สามารถใช้งานบน Cloud ได้ 

ค่าใช้จ่าย : ทดลองใช้งานฟรี 7 วัน และราคา 9.99 USD / เดือน

4. inVision Studio

ออกแบบ UX UI, figma คือ
Image Credit : invisionapp.com

inVision เป็น Prototype Plug – in ของโปรแกรม Sketch มาก่อน และมีการพัฒนามาเป็นโปรแกรมออกแบบ UX UI ซึ่งสามารถเปิดไฟล์จาก Sketch ได้เลยโดยไม่ต้องแปลงไฟล์ สามารถทำงานร่วมกันได้ในไฟล์เดียว ซึ่งมีความคล้ายกับโปรแกรม Figma คือ ผู้ใช้งานหลายคนสามารถใช้งานในเวลาเดียวกันได้ มี Template ที่หลากหลาย และครอบคลุมทุกกระบวนการ ตั้งแต่ขั้นตอนการ Brainstorming กำหนดกลยุทธ์ วางแผน ออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์ และทดลองใช้งาน สามารถใช้งานได้ทั้ง Windows และ macOS

จุดเด่น : สามารถเปิดงานจาก Figma Adobe XD และ Sketch ได้โดยตรงโดยที่ไม่ต้องแปลงไฟล์ เครื่องมือใช้งานได้ง่าย ไม่รกและซับซ้อน 

ค่าใช้จ่าย : มีทั้งแบบฟรี และมีค่าบริการเพียง 4 USD / เดือน ซึ่งถือว่าราคาดีมากๆ

5. Proto.io

ออกแบบ UX UI, figma คือ
Image Credit : proto.io

Proto.io เว็บไซต์ออกแบบ UX UI ที่มีรูปลักษณ์น่าใช้งานมากๆ และมีเครื่องมือให้ใช้งานอย่างหลากหลาย ซึ่งทางเว็บไซต์เคลมว่า ตัวเองเป็น “Prototype that feel real” หรือเป็นต้นแบบที่ให้ความรู้สึกเสมือนจริง สามารถออกแบบ จับระบบ และทดสอบระบบได้อย่างแม่นยำ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถคอมเมนต์ Feedback ในการใช้งานได้ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้งานร่วมกับเครื่องทดสอบต่างๆ อาทิ Lookback Userlytics และ Validately และสามารถใช้งานผ่านทาง Browsers เท่านั้น

จุดเด่น : สามารถสร้างและออกแบบ Prototype ที่มีความเที่ยงตรงและแม่นยำสูง เครื่องมือใช้งานง่าย สามารถใช้งานร่วมกับโปรแกรมทดสอบอื่นๆ ได้ 

ค่าใช้จ่าย : เริ่มต้นที่ 24 USD / เดือน

6. Balsamiq

Image Credit : Balsamiq.com

Balsamiq เป็นเครื่องมือสำหรับการออกแบบ Wireframes ที่สามารถใช้งานได้ง่าย ไม่ยุ่งยากซับซ้อน แม้แต่ผู้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ใน Wireframing ก็สามารถใช้โปรแกรมได้ โดยใช้ออกแบบโครงสร้างซอฟต์แวร์หรือโครงสร้างเว็บไซต์ ผ่านการสร้าง Interface ที่มีความเที่ยงตรง และสามารถสร้างต้นแบบได้อย่างง่ายเพื่อความสะดวกในการทดสอบใช้งาน และสามารถใช้งานได้ทั้ง Browsers Windows และ macOS 

จุดเด่น : มีรูปลักษณ์เว็บไซต์ที่ใช้งานได้ง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่ สามารถสร้างเทมเพลตหรือต้นแบบเว็บไซต์อย่างง่ายเพื่อทดสอบการใช้งานได้ 

ค่าใช้จ่าย : เริ่มต้นที่ 9 USD / เดือน และ 90 USD / ปี

7. Origami Studio

Image Credit : origami.design

Origami Studio เป็นเครื่องมือออกแบบแพลตฟอร์มที่มีสามารถออกแบบ สร้างภาพเคลื่อนไหว และสร้างต้นแบบได้ ซึ่งจะมีความซับซ้อนกว่าโปรแกรม InVision หรือ Sketch โดยจะเหมาะกับผู้ที่ต้องการสร้าง Prototype หรือต้นแบบขั้นสูงที่มีความสมบูรณ์ ต้นแบบมีความเสมือนจริง และมี Patches ที่จะช่วยเพิ่มการโต้ตอบให้กับต้นแบบเว็บไซต์ เพื่อการเก็บข้อมูลและพัฒนาต้นแบบให้มีศักยภาพมากขึ้น ทั้งนี้ สามารถใช้งานใน MAC iOS และ Adroid 

จุดเด่น : ต้นแบบแพลตฟอร๋มมีความเที่ยงตรงสูง และสามารถทำงานร่วมกับโปรแกรม Sketch และ Figma คือ สามารถคัดลอกเลเยอร์และวางเลเยอร์ในแต่ละโปรแกรมได้เลย 

ค่าใช้จ่าย : ไม่เสียค่าบริการ

8. Framer

ออกแบบ UX UI, figma คือ
Image Credit : Framer.com

เครื่องมือออกแบบที่สามารถใช้งานแบบมี Interact ได้ สามารถออกแบบเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นได้เสมือนจริงโดยใช้เวลาเพียงสั้นๆ เนื่องจากมีการสร้าง Template ไว้ล่วงหน้า ซึ่งสามารถออกแบบ UX UI สำหรับ iPhone, Android, MacOS และอุปกรณ์อื่นๆ ได้อีกมากมาย โดยสามารถเลือก Template ที่พร้อมใช้งานได้อย่างหลากหลาย รวมถึงอุปกรณ์ในการออกแบบ UI อาทิ Landing Page Kit, Material Design Kit และ iOS Kit ซึ่งสามารถสร้างต้นแบบที่มีความเที่ยงตรงสูงและทดสอบการใช้งานขั้นพื้นฐานได้ และสามารถใช้โปรแกรมได้จาก Browsers และ MacOS (ในไอแพดเท่านั้น) 

จุดเด่น : เหมาะสำหรับการออกแบบบน Screen Design ซึ่งสามารถสร้าง Prototype ที่มีความเสมือนจริง และต้องเป็นผู้ที่มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ CSS และ HTML มาก่อนด้วย 

ค่าใช้จ่าย : เริ่มต้นที่ 10 USD / เดือน

การทำ Persona คือการทำความเข้าใจตัวตน บุคลิก ทัศนคติ ความต้องการ และความสนใจของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย จะเห็นได้ว่า มีเครื่องมือมากมายที่จะช่วยให้เราออกแบบ UX UI ได้อย่างมีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ และทำให้นักออกแบบแพลตฟอร์มหรือเว็บไซต์สามารถทำงานได้สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็แล้วแต่ว่าจุดประสงค์ของการออกแบบแพลตฟอร์มหรือเว็บไซต์ของแต่ละองค์กรจะเป็นอย่างไร และเลือกเครื่องมือที่จะใช้ให้เหมาะสมและตอบโจทย์กับทั้งองค์กรและ User หรือผู้ใช้งานมากที่สุด เพื่อที่จะได้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจและผู้ใช้งานเว็บไซต์ต่อไป

DIY CONTENT แนะนำ ♡

ขั้นตอนการทำงานระหว่าง UX Designer และ UI Designer 

  1. ขั้นตอนแรก UX Designer จะทำการเก็บข้อมูล แยกประเด็นปัญหาและทำการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มาว่า ผู้ใช้งานมีความต้องการในการใช้เว็บไซต์อย่างไร และอยากมีประสบการณ์อย่างไรในการใช้งาน
  2. ทำการเรียบเรียงข้อมูลออกมาเป็น Wireframe สำหรับทดสอบการใช้งาน 
  3. ส่งต่อให้กับ UI Designer เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ และได้ไอเดียออกมาเป็นต้นแบบโครงสร้างของเว็บไซต์ โดยจะต้องคำนึงถึง Concept และ Mood&Tone ของเว็บไซต์ให้ออกมาในทิศทางเดียวกัน
  4. ทีมพัฒนาระบบทำการสร้างระบบเว็บไซต์ต่อไป 

ในการออกแบบ UX UI เว็บไซต์นั้น DIY CONTENT จะใช้เครื่องมืออย่าง “Design Thinking” เข้ามาช่วยเพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานให้ตรงกับวัตถุประสงค์ของลูกค้าให้ได้มากที่สุด)

ความสำคัญของการออกแบบ UX UI

  • ทำให้เว็บไซต์ใช้งานได้ง่าย ไม่ซับซ้อน 
  • ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย มีประสบการณ์ที่ดีจากการใช้งาน และอยากกลับมาใช้งานอีก
  • ทำให้เว็บไซต์มีความสวยงาม น่าดึงดูดให้เข้ามาใช้งาน
  • สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างตรงจุดมากที่สุด 
  • ทำให้เว็บไซต์ดูมีความน่าเชื่อถือ และดูมีความเป็นมืออาชีพ
  • เอื้อต่อการทำการตลาดออนไลน์ เนื่องจากมีรูปลักษณ์ที่สวยงาม ดึงดูดผู้ใช้ และเพิ่มโอกาสเพื่อประโยชน์ในการทำ SEO ได้มากขึ้น

สำหรับใครที่กำลังมองหาคนทำเว็บไซต์ที่ใช้การออกแบบ UX UI รวมทั้งดูแลเรื่อง SEO ให้กับเว็บไซต์ด้วย สามารถทักเข้ามาพูดคุยกับ DIY CONTENT กันได้เลยนะคะ เรามีทีมที่พร้อมบริการด้วยความรับผิดชอบ ไม่เทงานลูกค้า ไม่ทิ้งลูกค้าให้เคว้งคว้างกลางทางแน่นอนค่ะ ♡

อ้างอิงที่มาข้อมูลบางส่วนจาก : careerfoundry.com, webflow.com, influencermarketinghub.com

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save